วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

ผลงานของใครกันแน่

ในสภาพการทำงานปัจจุบัน แน่นนอนว่าทุกคนต่างต้องการสร้างและแสดงผลงานให้เป็นที่โดดเด่น เป็นที่ชื่นชอบของหัวหน้างาน เพียงหวังว่าสักวันหนึ่งหัวหน้างานจะเลื่อนตำแหน่งงาน หรือปรับเงินเดือนเพิ่มพิเศษให้ ซึ่งทุกคนย่อมมีความต้องการความปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต .... คำถามที่จะตามมาก็คือ จะทำอย่างไรให้ตนเองประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้

พบว่าการสร้างผลงานด้วยตนเองเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง น่าภาคภูมิใจ อันเนื่องจากว่าบุคคลเหล่านี้มีความสามารถ มีศักยภาพที่แท้จริง บุคคลเหล่านี้ควรค่าแก่การยกย่องและการให้ผลตอบแทนสูงตามมูลค่างานที่เกิดขึ้น ในทางกลับกันการเอาผลงานของคนอื่นมาเป็นผลงานของตนเอง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ การขโมยไอเดีย ความคิดเห็นของผู้อื่นโดยกล่าวอ้างว่าความคิดเหล่านั้นเป็นผลงานของตนเอง ...... บุคคลแบบนี้ ควรค่าแก่การยกย่อง ชื่นชมในผลสำเร็จของงานหรือไม่

การยืมจมูกของคนอื่นหายใจ เปรียบกับการต้องพึ่งพาผู้อื่นเสมอ จนทำให้ตัวเราไม่สามารถช่วยเหลือหรือพึ่งพาตนเองได้เลย หากสักวันหนึ่งเราจะต้องเผชิญปัญหาหรือเผชิญหน้ากับภาระงานที่ยาก และต้องแก้ไขด้วยตนเอง ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือได้แล้วเราจะทำอย่างไร

อลิสขอเม้าท์เรื่องราวของเพื่อนสนิทของน้องสาวตนอง น้องคนนี้เล่าให้ฟังว่าที่ทำงานมีเพื่อนคนหนึ่งชอบถามโน่น ถามนี่เวลามีปัญหาในการทำงานเกิดขึ้น ไม่ชอบคิดแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง แถมยังบอกคนอื่นว่าไอเดียที่เสนอแนะในการแก้ไขปัญหานั้นเป็นของตนเอง ไม่เคยบอกใครเลยว่าเป็นความคิดของคนอื่น

หรืออีกกรณีหนึ่ง เป็นการจงใจเอาผลงานของคนอื่นมาเป็นผลงานของตนเอง เป็นงานที่ร่วมกันระหว่างน้องของอลิสกับเพื่อนอีกคน ซึ่งเพื่อนคนนั้นกลับบอกว่างานที่ทำมาทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นผลงานของตนเอง น้องสาวอลิสมีส่วนช่วยเหลืองานไม่มากนัก

อลิสเชื่อว่า บุคคลที่ได้รับผลตอบกลับในการกระทำเช่นที่ว่านี้ ก็คือ คนที่ชอบแอบอ้างเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นผลงานของตนเอง ลึก ๆ แล้วบุคคลเหล่านี้ดูเหมือนจะมีความสุขในการกระทำของตนเอง แต่หากวิเคราะห์จริง ๆ แล้วกลับพบว่าบุคคลเหล่านี้ไม่มีความสุขเลย เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าตนเองไม่ใช่เป็นเจ้าของผลงาน เจ้าของไอเดีย จึงทำให้ต้องคอยวิตกกังวลว่าหากมีใครสอบถามถึงงานที่ทำ พวกเขาอาจจะไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้เลย หรือเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาไม่สามารถหาที่พึ่งได้เลย บุคคลเหล่านี้จะเกิดภาวะความตึงเครียดในการทำงาน เพราะไม่รู้ว่าจะขอความคิดเห็นหรือความช่วยเหลือจากใครได้บ้าง

การช่วยเหลือกันเป็นสิ่งที่ดีนะคะ แต่การช่วยเหลือกันนั้นควรจะกล่าวอ้างถึงการร่วมมือกันระหว่างกันมากกว่า อย่ากล่าวอ้างว่าเป็นผลงานของตนเองฝ่ายเดียว เพราะผู้รับฟังที่ร่วมอยู่ในโครงการนั้นด้วย อาจเกิดความไม่ชอบใจ ไม่พอใจ จนทำให้พวกเขาไม่อยากจะช่วยเหลือหรือนำเสนอความคิดเห็นใด ๆ แก่คุณเลย และยิ่งร้ายแรงไปกว่านั้นก็คือ อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเพื่อนร่วมงานกับตัวคุณเองได้

เห็นไหมค่ะว่า การนำผลงานของผู้อื่นมามาเป็นผลงานของตนเองย่อมไม่ดีแน่นอน มีแต่เสียกับเสีย ภาพลักษณ์ที่เพื่อนร่วมงานคนนั้นจะมองคุณย่อมไม่ดีแน่นอน คุณจะถูกมองว่ากลายเป็นคนอ่อนแอ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ไม่สามารถจัดการงานอะไรได้เลย ...... แล้วคุณอยากจะให้คนอื่นมองคุณแบบนี้หรือไม่

ดังนั้น คุณควรยอมรับความจริง หากผลงานนั้นไม่ใช่ผลงานของคุณ แต่เป็นไอเดียหรือความเห็นของผู้อื่น จงยอมรับและบอกคนอื่นอย่างมั่นใจว่า นั่นคือผลงานที่คุณขอความเห็นจากผู้อื่น แต่สักวันหนึ่ง....คุณจะมีผลงานที่ตนเองเป็นผู้สร้างขึ้นมาอย่างแน่นอน


โดยคุณอลิส จาก http://www.konayutthaya.com/apm/files/performance.pdf

ไม่มีความคิดเห็น: